การเขียนเล่าเรื่องราว ทริปที่ไปสก๊อตแลนด์ ใช้เวลานานมากมาย หวังว่าจะสามารถขมวดปลายลงได้ในครั้งนี้
เรื่องราวหลังจากกลับมาจากเซนต์แอนดรูวส์ก็ไม่มีอะไรมาก
มาเดินเที่ยวที่ดันดี ช่วงบ่าย แล้วก็กลับไปกินข้าว นอน ที่โฮสเทล วันต่อมาก็เก็บของเตรียมไปนอนที่เอดินเบอระหนึ่งคืนก่อนกลับเคมบริดจ์ในอีกวัน
ที่เอดินเบอระนี้ เราจะนอนที่วัดไทยครับ ชื่อวัด “ธรรมปทีป” กรุงเอดินเบอระ
ฝากรูปเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเมืองดันดีให้ดูชมกันนะ
เนื่องจากเมืองดันดีเป็นเมืองอุตสาหกรรมเก่า จึงเห็นโรงงาน โกดัง อยู่ในเมืองเต็มไปหมด สำหรับเมืองดันดี เป็นเมืองใหญ่อันดับสี่ของสก๊อตแลนด์ ประชากรเท่า ๆ เคมบริดจ์ คือประมาณ แสนกว่าคน
มีเรือชื่อ Discovery จอดอยู่ริมแม่น้ำ
City Square จัตุรัส กลางเมืองดันดี
ห้างโอเวอร์เกต เจ้าปัญหาในตอนแรก ตอนบอกทางมาที่โฮสเทล
ที่โฮสเทลเป็นแบบแปดเตียง แต่ว่าทั้งสองคืน ไม่มีใครมานอนเลย เลยนอนคนเดียว สบายแฮ นี่เพิ่งเก็บเตียงใหม่ๆ
ไฮสตรีท เมืองดันดี มองจากห้องพัก และกระจกที่ขุ่นมัว มองเห็น จัตุรัสตรงมุม ฝนตกปรอย ๆ พอเป็นกระสาย
ออกจากโฮสเทลมาที่สถานีรถไฟเมืองดันดีครับ ฟ้าแจ่มใสเชียว (เวลาเดินทาง อย่างที่บอก)
กลับเอดินเบอระ
สวัสดี สก๊อตเรลล์ คลาส ๑๗๐ คงได้พบกันอีก
ตอนที่ออกมาจากรถไฟ เห็นตำรวจเต็มไปหมด
สงสัยอยู่ แต่มารู้ทีหลังว่า วันนี้จะมีการประท้วง ของกลุ่มที่สนับสนุนการแสดงออกทางศาสนาของมุสลิม และกลุ่มต่อต้าน เพื่อความสงบเรียบร้อย ตำรวจจึงตรึงกำลัง เผื่อมีการปะทะ
ออกมาจากสถานีรถไฟ นั่งรถเมล์ท้องถิ่นของที่นี่ (ต้องเตรียมเหรียญให้พอดี ไม่งั้นไม่มีทอน)
จะเห็นเอกลักษณ์ของสก๊อตแลนด์ทันที นั่นคือ “ลายสก๊อต” ครับ
สำหรับเรา ถ้าไม่ได้เห็นลายสก๊อตแบบนี้ ถือว่ามาไม่ถึงสก๊อตแลนด์
นี่คือภายในวัดธรรมปทีป เอดินเบอระครับ
ได้ร่วมปฏิบัติธรรมกับพระสงฆ์ที่นี่ด้วย ขอเรียกท่านว่า พระอาจารย์ละกัน เพราะ ท่านได้ตอบคำถามเราหลายข้ออยู่
การปฏิบัติธรรมที่นี่ ใครมาพัก ก็ขอสนับสนุนให้พยายามอยู่ทำวัตรเย็น หรือเช้า จะได้นั่งสมาธิ สวดมนต์ สงบจิตใจด้วย
ส่วนการมาพัก ก็ฟรีครับ แล้วแต่ศรัทธาในการทำบุญช่วยเหลือ ค่าน้ำค่าไฟ หรือสังฆทาน ที่วัดมีห้องน้ำ มีผ้าห่ม กับหมอนให้ครบ
ถือว่าเป็นการปิดทริปที่ไม่เหมือนทุกครั้ง และรู้สึกดีไปอีกแบบหนึ่งเลยทีเดียวครับ
ขอขอบคุณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ช่วยอำนวยพรให้เราเดินทางปลอดภัย คุณแม่ผู้ให้กำเนิดที่ให้โอกาสเราออกไปหาประสบการณ์ คุณพ่อผู้ล่วงลับที่เป็นผู้จุดประกาย และช่วยคุ้มครองตลอด ตลอดจน “คนระหว่างทาง” ทุก ๆ คน ที่สำคัญเสมอ สำหรับการเดินทางที่มีความหมาย
เอดินเบอระ:
พนักงานต้อนรับที่ Budget Backpackers เอดินเบอระ, สาวฝรั่งเศสสามคน, โย เพื่อนนักเรียนทุนที่เอดินเบอระ, ไกด์ Ghost Tour, ชายแปลกหน้าที่จะพยายามให้เราเอามือถือออกมา, นักเรียนโรงเรียนภาษาจาก Eastbourne ที่มีทั้งเกาหลี สเปน ซีเรีย ญี่ปุ่น ชวนเราเล่นไพ่เฮฮายามดึก, คนพม่าและเพื่อนที่แนะนำหนังฮาเก่า ๆ เรื่องหนึ่ง, พระอาจารย์ที่วัดไทยที่เอดินเบอระ, คุณตำรวจที่มาดูแลความปลอดภัยที่วัดไทย, คุณป้าที่มาพักที่วัดเหมือนกัน
กลาสโกว์:
พนักงานที่โฮสเทล, น้องชายชาวออสเตรเลีย, คุณลุงออสเตรียที่พูดไม่ได้, พี่ฝรั่งเศสมากับแฟน, เพื่อนใหม่คนเยอรมันที่เรียนจะจบแล้วเลยแวะเที่ยวตามเมืองต่าง ๆ ที่ละหนึ่ง-สองคืน, คุณอาชาวอเมริกันจากอะลาสกาที่เป็นเพื่อนนั่งกินข้าว, พี่สาวมุสลิมที่ให้ความรู้เรื่องรถเมล์ที่กลาสโกว์, คุณลุงบนรถเมล์ที่ห่วงใยเมื่อเห็นเรานั่งกางแผนที่บนรถเมล์, คุณอาที่บอกทางริมถนน, คุณลุงที่ป้ายรถเมล์ที่บอกว่าเดินเอาดีกว่า เพราะรอรถเมล์มันนาน, คุณอาชาวอังกฤษสองคน ที่แปลกใจเมื่อเห็นเราถ่ายรูปอาหารเช้าและเป็นเพื่อนคุย, มิสชันนะรีคริสต์
อะเบอร์ดีน:
พี่ป่านแก้ว และปุ้ย สองสาวนักเรียนทุนเป็นเพื่อนร่วมเที่ยว ที่อะเบอร์ดีน, คุณลุงเนเธอร์แลนด์ที่นั่งเรือจากสก๊อตแลนด์กลับประเทศ, หนุ่มฝรั่งเศสสองคน, พนักงานที่ร้าน Ma Camerons, พนักงานโฮสเทล
ดันดี:
พนักงานต้อนรับที่โฮสเทล, เจ้าหน้าที่ที่พิพิธภัณฑ์กอล์ฟ ที่เซนต์แอนดรูวส์, ชาวมุสลิมที่บอกทางจากห้างโอเวอร์เกต, คู่หนุ่มสาวชาวแคนาดาผู้หลงใหลในประเทศไทยและชวนไปเล่นบิงโก, พี่สาวลัตเวียนั่งคุยตอนกินข้าว, สาวออสเตรเลียที่คิดจะไปสมัครเป็นทหารเรือ, คู่สามีภรรยาชาวสิงคโปร์, อาคนอังกฤษ ที่ร่วมมือกับชาวสิงคโปร์ พยายามชักชวนให้เราเปลี่ยนศาสนา
ขอขอบคุณคนระหว่างทางเหล่านี้ และที่ยังไม่ได้เอ่ยชื่อ ที่ทำให้การเดินทางมีรสชาติ และสมบูรณ์อย่างไม่เหมือนใคร และให้มาเหมือนเดิมอีก ก็คงไม่เหมือน
ขอจบ สก๊อตทริปเพียงเท่านี้
โปรดติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ในครั้งต่อไปนะครับ