RSS

ใต้ประทีปธรรม สิบห้าวัน ที่วัดชลประทานฯ ๓

11 ก.ย.

เช้าวันใหม่ ตื่นประมาณตีสี่ อาบน้ำ
กุฏิสี่เหลี่ยม มีห้องน้ำอยู่สี่มุม แต่ละห้อง ก็มีห้องส้วมประมาณสี่ห้อง
มีฝักบัวอยู่ตามผนังอีก ประมาณสี่จุด

อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็มาห่มจีวร ตามประสา พระใหม่ ที่ยังห่มไม่ค่อยจะเป็น

จากนั้น เจอหลวงพี่เอก และหลวงพี่พล พระใหม่อยู่สายบิณฑบาต เดียวกัน
เดินไปที่สี่แยก เจอหลวงพี่เป้ ซึ่งเป็นหลวงพี่พระเก่า สายพบสุข ที่ไม่ได้เจอเมื่อวาน
หลวงพี่เป้ห่มจีวรให้ใหม่ แน่นดีทีเดียว รับรองว่าเดินแล้วไม่หลุดระหว่างทาง

สักพัก หลวงพี่เมย์ก็มา
ระหว่างการบิณฑบาต หลวงพี่ก็จะสอนเรื่องของการรับบาตร ที่ไม่ควรมองบาตรของพระรูปอื่น มองแต่ในบาตรตัวเอง
ไม่มองหน้าโยมเวลารับบาตร เป็นต้น

การให้พร วันแรก ๆ ก็ยังไม่ค่อยจะได้ ตาม ๆ หลวงพี่พระเก่าไป

ในวันแรก เดินบิณฑบาต เหนื่อยมาก ขากลับ มีรถของโยมมาส่งถึงวัด
เมื่อมาถึงวัดแล้ว ก็ต้องเอากับข้าว ที่ได้มาจากการบิณฑบาต ที่เราไม่ได้เก็บไว้ มาใส่แยกกะละมังที่หลังลานหินโค้ง
ข้าวสวยที่อยู่ในบาตร ก็เคาะ ใส่กะละมังหนึ่ง เหลือบาตรเปล่าๆ  นั่งรับบาตรต่อ เพราะมีญาติโยมรอใส่บาตรที่ลานหินโค้งอีก

จริง ๆ แล้ว เราก็ต้องเลือกกับข้าวเก็บไว้ตอนเพลด้วย แต่ตอนนั้น แม่นำอาหารมาถวายพระ จนเรียกว่า “ฟูลออพชั่น”
ไม่ต้องเก็บอาหารไว้เลย รอรับของแม่ที่ลานหินโค้งก็เรียกได้ว่าเหลือเฟือ

เสร็จจากการบิณฑบาตก็กลับกุฏิ ทำธุระส่วนตัว ใครยังไม่ได้เข้าห้องน้ำก็เข้าได้ อยากอาบน้ำอีกก็อาบ
แต่ที่สำคัญคือต้องล้างบาตรให้เรียบร้อย แล้วเช็ดบาตร ผึ่งไว้ในห้อง

ประมาณเก้าโมงสิบห้านาทีก็ออกมาเรียนห่มจีวรกันใหม่อีกครั้ง เอาจนเป็นเลย

เลิกจากตรงนี้ก็ไปฉันเพลตอนใกล้ๆ สิบเอ็ดโมง วิธีการฉันเพล ปกติแล้ว ก็คือ นั่งบนพื้นหน้าห้องของตัวเองในกุฏิสี่เหลี่ยม
เปิดฝาบาตรแล้วฉันในนั้น ก่อนฉันก็ต้องท่องคำพิจารณาบิณฑบาตรด้วย ประมาณว่า พระต้องฉันบิณฑบาตโดยไม่เลือก
ฉันเพื่อประทังความหิว ไม่ใช่ฉันเพื่อความเอร็ดอร่อย

ฉันเพลเสร็จ ก็พักผ่อนตามอัธยาศัยได้ จนบ่ายโมงครึ่ง ก็เข้าห้องเรียน
ช่วงสองสามวันแรก เรียนพระวินัย จนถึงสามโมงครึ่ง
ออกมาพักผ่อน ทำธุระส่วนตัวที่กุฏิ ห้าโมง ก็เข้าประชุมพระใหม่

ในวันนี้ ยังไม่มีทำวัตรเย็น

นอนประมาณสามทุ่ม

แล้วติดตามตอนต่อไปนะครับ

 

ใส่ความเห็น